เมนู

สมฺปฏิจฺฉามิ โยมจะรับถ้อยคำของพระผู้เป็นเจ้าจำไว้ เป็นข้อวัตรปฏิบัติแก่กุลบุตรทั้งหลาย
ัอันเกิดมาในอนาคตกาลภายภาคหน้าในกาลบัดนี้
วัณณภณปัญหา คำรบ 1 จบเท่านี้

อหิงสานิคคหปัญหา ที่ 2


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต
นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้าผู้ประกอบด้วยปรีชา สมเด็จพระบรมโลกนาถศาสดาจารย์
เจ้ามีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ภิกฺขเว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านจงมีความรักความเอ็นดูสัตว์โลกนี้แล
วโร ประเสริฐ ตรัสฉะนี้แล้ว ครั้นมามีพระพุทธฎีกาตรัสเล่าว่า ภิกฺขเว ดูกรภิกษุทั้งหลายโลก
ทั้งปวงควรจะข่มขี่ ตถาคตก็ข่มขี่ ควรจะยกย่อง ตถาคตก็ยกย่อง นี่แหละพระผู้เป็นเจ้า นิคฺคโห
ธรรมดาว่าควรที่จะข่มขี่ก็ให้ข่มขี่ หตฺถเฉชฺชํ ควรที่จะตัดมือให้ตัดมือ ปาทเฉชฺชํ ควรจะตัดเท้าก็
ตัดเท้า ควรจำจองก็จำจอง ควรจะฆ่าก็ฆ่าให้ตาย ธรรมดาจะข่มขี่คนทั้งหลายก็ต้องกระทำดังนี้
พระองค์มีพระพุทธฎีกาว่า ควรจะข่มขี่ให้ข่มขี่นั้น โยมนี้เห็นไม่ควรนักหนา สมเด็จพระศาสดา
ไม่ควรจะตรัสฉะนี้ แม้จะเชื่อเอาพระพุทธฎีกาที่ตรัสไว้แต่เดิมว่า อย่าเบียดเบียนสัตว์ ให้รัก
สัตว์เอ็นดูสัตว์ในโลกนี้ คำภายหลังที่พระองค์ตรัสว่า โลกควรจะข่มขี่ให้ข่มขี่ ควรจะยกย่อง
ให้ยกย่องดังนี้ จะมิผิดหรือ ครั้นจะเชื่อเอาพระพุทธฎีกาภายหลังที่ว่าควรจะข่มขี่ให้ข่มขี่ พระ
พุทธฎีกาที่ตรัสมาแต่เดิมนั้นก็จะผิด อยํ ปญฺโห อันว่าปัญหานี้ อุภโต โกฏิโก เป็นอุภโตโกฏิ
นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าโปรดวิสัชนาไปในกาลบัดนี้
เถโร ฝ่ายพระนาคเสนผู้พระอรหันต์อันวิเศษประเสริฐด้วยญาณปฏิสัมภิทา จึงมีเถร-
วาจาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร ซึ่งพระพุทธฎีกาตรัสไว้แต่เดิมว่า ดูกร
ภิกษุท่านจงสมัครรักใคร่สัตว์ เอ็นดูสัตว์ อย่าเบียดเบียนสัตว์โลกนี้ วโร นี่แหละอุดมล้ำเลิศ
ประเสริฐยิ่งนัก ครั้นแล้วยังมีพระพุทธฎีกาว่า สัตว์โลกนั้นควรจะข่มขี่ ควรจะยกย่องให้
ยกย่อง พระพุทธฎีกานี้จะเป็นสองหามิได้ และคำที่ว่าให้สมัครรักใคร่สัตว์ทั้งหลาย นี่แหละ
สมเด็จพระมหากรุณาเจ้าตรัสตามอธิบาย สมเด็จพระพุทธเจ้าทั้งหลายแต่ปางก่อน ให้โอวาท
ความสั่งสอนสืบกันมา มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐ ชื่อว่าธรรม
นั้นมีลักษณะมิได้มีวิหิงสาสัตว์ นี้เป็นคำอันจริงแท้ ไม่มีผิดเลย มหาราช ขอถวายพระ